ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
3 สาเหตุที่พาใจเราดิ่งโดยไม่รู้ตัว รู้ทันปัจจัยเสี่ยงของโรคซึมเศร้า

3 สาเหตุที่พาใจเราดิ่งโดยไม่รู้ตัว รู้ทันปัจจัยเสี่ยงของโรคซึมเศร้า

ใช้ชีวิตตามปกติ ยิ้ม หัวเราะ ทำงานได้ดีเหมือนเดิม แต่จู่ ๆ กลับรู้สึกใจหาย รู้สึกเศร้าโดยไม่มีเหตุผล หรือแม้กระทั่งน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกเหล่านี้เกิดจากอะไร และเพราะอะไร “ใจ” ถึงเริ่มอ่อนล้า บทความนี้ เราจะมาชวนสำรวจ “3 สาเหตุหลัก” ที่อาจเป็นต้นตอของโรคซึมเศร้าแบบที่คุณคาดไม่ถึง พร้อมวิธีสังเกตตัวเองและแนวทางเบื้องต้นในการรับมือก่อนที่ใจจะดิ่งลึกเกินควบคุม

สมดุลสารเคมีในสมองผิดปกติ โดยที่คุณไม่รู้ตัว

1. สมดุลสารเคมีในสมองผิดปกติ โดยที่คุณไม่รู้ตัว

โรคซึมเศร้าเป็นเรื่องของอารมณ์ แต่ความจริงแล้ว สมองคือจุดเริ่มต้นของทุกความรู้สึก ภาวะปกติ สมองจะหลั่งสารเคมีที่ควบคุมอารมณ์ เช่น เซโรโทนิน (Serotonin), โดพามีน (Dopamine) และ นอร์เอพิเนฟรีน (Norepinephrine) อย่างสมดุล ซึ่งทำให้เรารู้สึกสงบ สดชื่น มีแรงจูงใจ

  • สมองตอบสนองต่อเรื่องดี ๆ น้อยลง
  • จัดการกับความเครียดได้ยากขึ้น
  • เกิดอาการหดหู่ ซึมเศร้า ขาดพลัง
  • คิดวนซ้ำกับเรื่องเดิม ๆ และรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า

2. พื้นฐานชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ได้รับการดูแลใจ

ประสบการณ์ในวัยเด็กมีผลอย่างมากต่อการก่อตัวของอารมณ์ ความมั่นคงทางใจ และความเข้าใจต่อตัวเอง หากในวัยเด็กเคยประสบกับเหตุการณ์เหล่านี้

  • ถูกทอดทิ้งหรือไม่ได้รับความรักจากคนในครอบครัว
  • ถูกวิจารณ์บ่อย ๆ จนรู้สึกไม่ดีต่อตัวเอง
  • เติบโตในบ้านที่มีความรุนแรงหรือมีบาดแผลทางใจซ้ำ ๆ
  • ไม่มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยหรือระบายความรู้สึก

ประสบการณ์เหล่านี้อาจกลายเป็น “เงาซ้อน” ที่ติดตามใจเราไปจนโต และเมื่อเจอเหตุการณ์กระทบใจ เพียงเล็กน้อยในชีวิตวัยผู้ใหญ่ ความรู้สึกจากอดีตก็จะย้อนกลับมาโดยไม่รู้ตัว

บางคนอาจตั้งคำถามกับตัวเองบ่อย ๆ เช่น

  • “ฉันดีพอหรือยัง”
  • “ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจ”
  • “ฉันผิดอะไร”
ความเครียดสะสมจากชีวิตประจำวันที่ไม่เคยถูกปลดปล่อย

3. ความเครียดสะสมจากชีวิตประจำวันที่ไม่เคยถูกปลดปล่อย

ไม่มีปัจจัยทางชีวภาพ หรือประสบการณ์ในอดีตชัดเจน แต่ความเครียดสะสมที่ไม่ได้รับการจัดการก็สามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน

ความเครียดสะสมเหล่านี้อาจมาในรูปแบบที่เราคุ้นชิน เช่น

  • ทำงานหนักเกินไปโดยไม่หยุดพัก
  • แบกรับภาระของครอบครัวมากเกินไป
  • ต้องพยายามเป็นคนเก่ง คนดีตลอดเวลา
  • เผชิญกับความคาดหวังจากสังคมที่สูงเกินจริง
  • รู้สึกเหมือนต้องเข้มแข็งอยู่เสมอจนไม่มีใครรู้ว่า “เรากำลังเหนื่อย”

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า

หากคุณมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่อง และเริ่มกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาโดยเร็ว สาเหตุของโรคจะมีหลายแบบ แต่สัญญาณเตือนบางอย่างที่ควรจับตา ได้แก่

  • รู้สึกเศร้า เบื่อ หมดหวังต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์
  • ไม่สนใจสิ่งที่เคยชอบ หรือรู้สึกว่าไม่มีความสุขกับอะไรเลย
  • นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป
  • รู้สึกผิดต่อตัวเอง รู้สึกไร้ค่าโดยไม่มีเหตุผล
  • เบื่ออาหาร หรือกินมากผิดปกติ
  • ไม่มีแรงจูงใจจะทำอะไร ไม่อยากออกจากบ้าน
  • ความคิดเกี่ยวกับการหายไปหรือไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
เริ่มต้นดูแลใจง่าย ๆ ได้อย่างไรบ้าง

เริ่มต้นดูแลใจง่าย ๆ ได้อย่างไรบ้าง

  1. นอนให้เพียงพอ

การนอนที่ดีช่วยฟื้นฟูสารเคมีในสมองและลดอารมณ์ลบได้จริง

  1. ออกกำลังกายเบา ๆ สม่ำเสมอ

ช่วยกระตุ้นสารเซโรโทนินและโดพามีนตามธรรมชาติ

  1. เขียนบันทึกความรู้สึก

ช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น และปล่อยความคิดที่ติดค้างออกจากหัว

  1. ไม่เก็บทุกอย่างไว้คนเดียว

การได้พูดคุยหรือขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องน่าอาย

  1. ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชีวิต

บางครั้งใจเราพังเพราะต้องรับเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองมากเกินไป

หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้า อย่าปล่อยให้ต้องสู้คนเดียว การยอมรับว่า “เราต้องการความช่วยเหลือ” คือสิ่งแรกของการเยียวยา และเมื่อคุณเริ่มต้นแล้ว ต่อไปก็จะง่ายขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกชีวิตมีคุณค่า และไม่มีใครควรใช้ชีวิตแบบไร้พลังใจในทุกวัน

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *