ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
เลสิกแบบไม่เจ็บ พักฟื้นน้อย มีจริงหรือ

เลสิกแบบไม่เจ็บ พักฟื้นน้อย มีจริงหรือ?

คำว่า “ผ่าตัดตา” สำหรับหลายคนอาจฟังดูน่ากลัวใช่ไหมครับ ทั้งคำว่าเจ็บ ทั้งภาพในหัวที่จินตนาการไปไกลว่าต้องพักฟื้นยาว ใช้ชีวิตไม่สะดวก หรือเสี่ยงต้องลาป่วยเป็นสัปดาห์

แต่สำหรับ “เลสิก” โดยเฉพาะเทคโนโลยีในปัจจุบัน หลายอย่างไม่เหมือนกับภาพที่หลายคนคิดไว้เลยครับบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเลสิกแบบใหม่ ที่ไม่เจ็บ พักฟื้นไว และใช้ชีวิตได้แทบจะปกติภายในไม่กี่วัน

เข้าใจก่อนว่าเลสิกคืออะไร

เลสิก (LASIK) เป็นเทคนิคการรักษาสายตาสั้น ยาว เอียง โดยใช้เลเซอร์ปรับรูปร่างกระจกตาให้แสงโฟกัสพอดีกับจอประสาทตา วิธีนี้ช่วยให้ไม่ต้องพึ่งแว่นหรือคอนแทคเลนส์อีกต่อไป

เทคโนโลยีเลสิกในปัจจุบันมีความแม่นยำสูงมาก ทำโดยแพทย์เฉพาะทางร่วมกับเครื่องมืออัตโนมัติ ไม่ต้องใช้ใบมีด และที่สำคัญคือ ใช้เวลาไม่นานเลยครับ

เข้าใจก่อนว่าเลสิกคืออะไร

เลสิกเจ็บไหม

คำถามยอดฮิตอันดับหนึ่งเลยครับ คำตอบคือ ไม่เจ็บครับ เพราะแพทย์จะหยอดยาชาเฉพาะที่ก่อนเริ่มทำ ทำให้ระหว่างการยิงเลเซอร์ คุณจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย อาจรู้สึกแค่มีแรงกดเบาๆ หรือเหมือนมีอะไรบางอย่างสัมผัสตาเท่านั้น

หลังทำอาจรู้สึกเคืองตา น้ำตาไหล หรือแสบตาเล็กน้อยในช่วง 4–6 ชั่วโมงแรก แต่โดยรวมถือว่าอยู่ในระดับที่ทนได้ และไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดแรงๆ ครับ

ใช้เวลานานไหมกว่าจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ?

ถ้าพูดถึงการพักฟื้น ต้องบอกเลยว่าเร็วมากครับ ส่วนใหญ่คนที่ทำเลสิกสามารถกลับบ้านได้เลยในวันเดียวกัน ไม่ต้องนอนพักที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำ

ช่วง 1–3 วันแรกอาจรู้สึกตาไวต่อแสง หรือยังมองไม่ชัด 100% แต่หลังจากนั้นมักจะกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ ทำงานเบาๆ หรือเดินทางได้ปกติกิจกรรมที่ควรเลี่ยงในช่วงแรกๆ ได้แก่ ว่ายน้ำ ขยี้ตาแรงๆ หรือแต่งหน้าใกล้ดวงตา ซึ่งแพทย์จะมีคำแนะนำให้โดยละเอียดครับ

ใช้เวลานานไหมกว่าจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

เลสิกแบบใหม่มีอะไรบ้างที่ช่วยลดการเจ็บและฟื้นตัวเร็ว

เทคโนโลยีเลสิกปัจจุบันพัฒนาไปมากครับ ซึ่งช่วยให้เจ็บน้อยลงและฟื้นตัวเร็วขึ้น เช่น

Femto LASIK (เฟมโตเลสิก)

ใช้เลเซอร์ 100% ทั้งขั้นตอน ไม่ใช้ใบมีดแม้แต่ขั้นตอนเปิดฝากระจกตา ทำให้บาดแผลแม่นยำ เจ็บน้อย และแผลหายเร็วกว่าแบบดั้งเดิม

ReLEx SMILE

เทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ต้องเปิดฝาแผ่นกระจกตาเหมือนเลสิกทั่วไป ใช้เลเซอร์ยิงผ่านชั้นในของกระจกตา แล้วดึงเนื้อเยื่อเล็กๆ ออกทางแผลขนาดเล็กเพียง 2–4 มิลลิเมตร

ข้อดีคือเจ็บน้อยมาก ตาแห้งน้อย และโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่ำ เหมาะกับคนที่มีสายตาสั้นเยอะหรือเล่นกีฬาหนักๆ ครับ

PRK (Photorefractive Keratectomy)

แม้จะไม่ใช่เลสิกแบบคลาสสิก แต่เป็นเทคนิคที่ใช้เลเซอร์ขัดผิวกระจกตาด้านนอก เหมาะกับคนที่มีความหนากระจกตาน้อย

ข้อดีคือไม่มีการเปิดแผ่นกระจกตา แต่การฟื้นตัวจะช้ากว่าเลสิกเล็กน้อย ต้องลางานประมาณ 5–7 วัน แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวถือว่าเทียบเท่าครับ

แล้วแบบไหนเจ็บน้อยสุด

ถ้าให้เปรียบเทียบในแง่ความรู้สึกขณะทำและช่วงพักฟื้น ReLEx SMILE ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เจ็บน้อยที่สุดเลยครับ เพราะแผลเล็กมาก ไม่ต้องเปิดแผ่นกระจกตา จึงลดการระคายเคืองหลังทำได้ดี

แต่สิ่งสำคัญคือ ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับทุกเทคนิค ต้องให้แพทย์ตรวจประเมินก่อนครับ ว่าสภาพดวงตาและค่าสายตาของคุณเหมาะกับวิธีไหนมากที่สุด

ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนทำเลสิก

ก่อนทำเลสิกจะต้องเข้ารับการตรวจตาโดยละเอียด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมง โดยจะตรวจตั้งแต่ค่าสายตา ความหนากระจกตา ความโค้ง รูปร่างจอประสาทตา ความดันตา รวมถึงประวัติสุขภาพทั่วไปด้วยครับ

ก่อนวันทำเลสิก

  • หยุดใส่คอนแทคเลนส์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3–7 วัน (แล้วแต่ชนิดที่ใช้)
  • งดแต่งหน้ารอบดวงตา งดใส่น้ำหอม หรือสเปรย์ฉีดผมในวันที่ทำ
  • เตรียมแว่นกันแดดไว้สำหรับหลังทำ เพราะตาจะไวต่อแสงในช่วงแรกครับ
ต้องเตรียมตัวยังไงก่อนทำเลสิก

แล้วหลังทำเลสิก ต้องดูแลยังไงให้ฟื้นตัวไว

พักสายตาให้มาก โดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรก งดใช้หน้าจอ

  • ใส่ที่ครอบตาเวลานอน เพื่อป้องกันการเผลอขยี้ตา
  • หยอดยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ อย่าลืมหยอดน้ำตาเทียมหากมีอาการตาแห้ง
  • หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน ลมแรง โดยเฉพาะในสัปดาห์แรก

ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดหลังทำ จะช่วยให้ผลลัพธ์ของเลสิกชัดเจนและยาวนานขึ้นครับ

สรุปท้ายบทความกันหน่อย

คำว่า “ผ่าตัดตา” ฟังดูน่ากลัวก็จริง แต่เทคโนโลยีเลสิกในปัจจุบันทำให้ทุกอย่างง่ายกว่าที่คิดเยอะเลยครับ ไม่เจ็บ พักฟื้นไว ไม่ต้องลางานนาน และที่สำคัญคือ เปลี่ยนชีวิตคนที่เคยมองไม่ชัด ให้กลับมาชัดเจนอีกครั้งแบบไม่ต้องพึ่งแว่น

ถ้าคุณกำลังลังเล สมศรีแนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทางดูสักครั้งนะครับ เพราะบางที…คำตอบที่ใช่ อาจอยู่แค่การตรวจตาครั้งเดียวเท่านั้นเองครับ

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *