ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
ไบโพลาร์ไม่ใช่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างที่หลายคนคิด

ไบโพลาร์ไม่ใช่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างที่หลายคนคิด

อารมณ์ขึ้นลงเป็นเรื่องธรรมดา บางวันอาจรู้สึกมีความสุข พลังเต็มเปี่ยม แต่บางวันก็เศร้า หดหู่ หรืออ่อนเพลีย ความผันผวนเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าเป็น โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) ซึ่งเป็นภาวะทางจิตเวชที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก และไม่ใช่เพียงการ “อารมณ์เปลี่ยนง่าย” ตามที่หลายคนเข้าใจผิด

โรคไบโพลาร์ คืออะไร

โรคไบโพลาร์ คืออะไร

โรคไบโพลาร์ หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว เป็นภาวะผิดปกติของการควบคุมอารมณ์ ผู้ป่วยจะมีช่วงที่อารมณ์สูงผิดปกติ (ภาวะแมเนีย หรือ Hypomania) สลับกับช่วงที่อารมณ์ต่ำ (ภาวะซึมเศร้า) โดยแต่ละช่วงมักกินเวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน

อาการในภาวะแมเนีย

  • พูดมาก คิดเร็ว หยุดไม่ค่อยได้
  • พลังงานสูงผิดปกติ นอนน้อยแต่ไม่รู้สึกเหนื่อย
  • ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย หรือตัดสินใจเสี่ยงโดยไม่คิด
  • หงุดหงิดง่ายหรือโมโหรุนแรง
  • รู้สึกมั่นใจในตัวเองเกินจริง

อาการในภาวะซึมเศร้า

  • รู้สึกเศร้า หดหู่ สิ้นหวังเกือบทั้งวัน
  • หมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบ
  • นอนมากหรือนอนไม่หลับ
  • เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
  • รู้สึกไร้ค่า โทษตัวเอง
  • บางรายอาจคิดทำร้ายตัวเอง

ทำไมมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแค่ “อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ”

  1. คนทั่วไปก็มีอารมณ์เปลี่ยนแปลง จึงคิดว่าผู้ป่วยไบโพลาร์ก็เพียง “ขี้อารมณ์”
  2. อาการไม่ได้เกิดตลอดเวลา แต่เป็นช่วง ๆ ทำให้คนรอบตัวสับสน
  3. ขาดความรู้ความเข้าใจ สื่อและสังคมใช้คำว่า “ไบโพลาร์” กับพฤติกรรมเปลี่ยนใจง่าย ซึ่งไม่ถูกต้อง
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไบโพลาร์

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไบโพลาร์

  • พันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติ จะเพิ่มความเสี่ยง
  • สมอง ความผิดปกติของสารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์
  • สิ่งแวดล้อม ความเครียดรุนแรง ประสบการณ์สะเทือนใจ หรือการใช้สารเสพติด

ผลกระทบต่อชีวิตโรคไบโพลาร์ส่งผลต่อหลายด้าน

  • การทำงาน ผลผลิตไม่สม่ำเสมอ บางช่วงทำงานได้มาก บางช่วงแทบทำไม่ได้เลย
  • การเงิน การตัดสินใจเสี่ยงในช่วงแมเนียอาจทำให้เกิดหนี้สิน
  • ความสัมพันธ์ คนรอบข้างไม่เข้าใจพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ทำให้เกิดความขัดแย้ง
  • สุขภาพจิต เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและการทำร้ายตัวเอง
การวินิจฉัยและการรักษา

การวินิจฉัยและการรักษา

การวินิจฉัย

ต้องอาศัยการประเมินโดยจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ไม่สามารถตัดสินจากการสังเกตเพียงผิวเผิน

การรักษา

  1. ยารักษาอารมณ์ (Mood Stabilizers) เช่น ลิเทียม
  2. ยาต้านซึมเศร้า ใช้ในบางกรณีร่วมกับ Mood Stabilizers
  3. จิตบำบัด (Psychotherapy) ช่วยให้ผู้ป่วยรู้จักอาการและรับมืออย่างเหมาะสม
  4. การดูแลตนเอง เช่น การนอนตรงเวลา ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงสารกระตุ้น

โรคไบโพลาร์ไม่ใช่เพียงอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ แต่เป็นความผิดปกติทางสมองและจิตใจที่ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ความเข้าใจผิดที่มองว่าเป็นเพียง “คนขี้อารมณ์” ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม การให้ความรู้แก่สังคมจึงสำคัญ เพื่อให้ผู้ป่วยไบโพลาร์ได้รับการยอมรับ เข้าใจ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *