ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
เข้าใจโรคไบโพลาร์ อาการที่ควรรู้ และแนวทางดูแลคนใกล้ตัว

เข้าใจโรคไบโพลาร์ อาการที่ควรรู้ และแนวทางดูแลคนใกล้ตัว

คุณเคยเจอคนใกล้ตัวที่บางวันดูสดใสเกินร้อย ทำอะไรก็เต็มไปด้วยพลัง แต่ไม่กี่วันถัดมากลับซึมเศร้า หมดแรง ไม่อยากทำอะไรเลยไหม? หลายครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นอาจไม่ใช่ “อารมณ์แปรปรวนธรรมดา” แต่คือ โรคไบโพลาร์ ซึ่งเป็นภาวะสุขภาพจิตที่ซับซ้อนและกระทบชีวิตจริงจังมากกว่าที่หลายคนคิด

บทความนี้จะเล่าให้ฟังว่าไบโพลาร์คืออะไร อาการเป็นแบบไหน วิธีรักษามีอะไรบ้าง และถ้าคุณมีคนใกล้ตัวที่กำลังเผชิญโรคนี้ คุณควรอยู่ข้าง ๆ อย่างไรเพื่อให้เขารู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกตัดสิน และมีกำลังใจในการรักษาต่อไป

ไบโพลาร์คืออะไร

ไบโพลาร์คืออะไร

โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) คือโรคทางอารมณ์ที่ทำให้คนเรามีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์แบบสุดขั้ว ช่วงหนึ่งอาจเต็มไปด้วยพลังงาน ความมั่นใจสูง และทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่รู้จักเหนื่อย (ช่วง Mania หรือ Hypomania) แล้วต่อมาก็อาจเข้าสู่ภาวะซึมเศร้าหนัก ๆ ที่รู้สึกหมดแรง ไร้ค่า ไม่อยากเจอใคร (ช่วง Depression)

ต่างจากการเปลี่ยนอารมณ์ทั่วไปที่ขึ้นลงตามสถานการณ์ ไบโพลาร์ทำให้อารมณ์แกว่งจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน การเรียน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมได้ด้วยตัวเองเหมือนที่หลายคนเข้าใจผิด

อาการของโรคแพนิค

อาการของโรคไบโพลาร์

ช่วง Mania/Hypomania

  • พูดเร็ว คิดเร็ว มีเรื่องมากมายในหัว
  • พลังงานล้น ทำงานหรือทำกิจกรรมต่อเนื่องโดยไม่หยุด
  • ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ลงทุนหรือทำเรื่องเสี่ยง ๆ
  • มั่นใจในตัวเองเกินไปจนดูผิดปกติ
  • นอนน้อยแต่ยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

ช่วง Depression

  • เศร้าลึก รู้สึกหมดหวัง
  • ขาดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบ
  • นอนมากหรือน้อยผิดปกติ
  • เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
  • โทษตัวเอง คิดว่าตัวเองไร้ค่า
  • อาจมีความคิดทำร้ายตัวเอง

ตัวอย่างชีวิตจริง

ลองนึกภาพเพื่อนที่เมื่อสัปดาห์ก่อนยังทำโปรเจกต์ใหญ่ทั้งคืนโดยไม่พัก พูดคุยไอเดียใหม่ ๆ ตลอดเวลา แต่สัปดาห์นี้กลับนอนอยู่บ้านทั้งวัน ไม่ตอบแชท ไม่อยากออกไปไหน เพื่อนแบบนี้อาจไม่ได้ “ขี้เกียจ” หรือ “ขยันผิดปกติ” แต่กำลังเผชิญภาวะไบโพลาร์ ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมได้

โรคไบโพลาร์เกิดขึ้นได้ยังไงบ้าง

โรคไบโพลาร์เกิดขึ้นได้ยังไงบ้าง?

  • พันธุกรรม ถ้ามีคนในครอบครัวเป็น โอกาสก็สูงขึ้น
  • สารเคมีในสมองไม่สมดุล โดยเฉพาะสารโดพามีนและเซโรโทนิน
  • สิ่งกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น ความเครียดรุนแรง เหตุการณ์สะเทือนใจ
  • การใช้สารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ อาจกระตุ้นให้อาการรุนแรงขึ้น

วิธีรักษาโรคไบโพลาร์

ยา

  • ยาควบคุมอารมณ์ (Mood stabilizers) เช่น ลิเทียม
  • ยากลุ่มต้านเศร้าและยาต้านโรคจิต (Antidepressants / Antipsychotics)
  • ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น

จิตบำบัด

  • CBT (Cognitive Behavioral Therapy) ช่วยปรับความคิดและพฤติกรรม
  • Family Therapy ให้ครอบครัวเข้าใจและร่วมดูแลผู้ป่วย
  • Psychoeducation การให้ความรู้ผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อรู้เท่าทันโรค

การดูแลตัวเอง

  • นอนหลับตรงเวลาและเพียงพอ
  • ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด
  • ฝึกผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิหรือหายใจลึก ๆ

วิธีดูแลตัวเองของผู้ป่วย

  • จดบันทึกอารมณ์ประจำวัน เพื่อสังเกตช่วงที่อารมณ์เปลี่ยน
  • ตั้งกิจวัตร เช่น เวลาตื่น เวลานอน เวลาทำงาน
  • หาสิ่งที่ช่วยระบาย เช่น วาดรูป เขียนไดอารี่ เล่นดนตรี
  • มีคนที่ไว้ใจได้ให้คุยเวลารู้สึกไม่มั่นคง
วิธีอยู่ข้าง ๆ คนที่เป็นไบโพลาร์

วิธีอยู่ข้าง ๆ คนที่เป็นไบโพลาร์

สิ่งที่ควรทำ

  • ฟังโดยไม่ตัดสิน ให้พื้นที่ปลอดภัยในการเล่า
  • ให้กำลังใจ บอกว่าเขาไม่ได้สู้เพียงลำพัง
  • สนับสนุนให้รักษาต่อเนื่อง ทั้งพบแพทย์และทานยาตามกำหนด
  • ช่วยสังเกตอาการ ถ้าอารมณ์เปลี่ยนมากผิดปกติควรรีบบอกแพทย์

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  • อย่าบอกว่า “แค่พยายามควบคุมตัวเองสิ”
  • อย่าล้อเลียนว่า “อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ”
  • อย่ากดดันให้หายเร็ว เพราะโรคนี้ต้องใช้เวลา

ความเข้าใจจากสังคม

ไบโพลาร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่ใช่เรื่องน่าอาย มันคือโรคที่ต้องการการรักษาเหมือนโรคทางกายอื่น ๆ ความเข้าใจและการไม่ตัดสินจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจและเชื่อมั่นว่าจะก้าวผ่านได้

โรคไบโพลาร์เป็นภาวะสุขภาพจิตที่ทำให้อารมณ์เปลี่ยนสุดขั้ว ทั้งช่วงที่มีพลังมากผิดปกติและช่วงซึมเศร้าหนัก ๆ ผู้ป่วยไม่ได้เลือกให้ตัวเองเป็นแบบนี้ และไม่สามารถหายได้ด้วยความเข้มแข็งเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยการรักษาที่เหมาะสมและความเข้าใจจากคนรอบข้าง ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติและมีความสุขได้

สิ่งสำคัญคือการ ไม่ตัดสินและพร้อมจะอยู่ข้าง ๆ การฟังด้วยใจ การให้กำลังใจ และการช่วยให้เข้าถึงการรักษาล้วนเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างผลลัพธ์ใหญ่สำหรับชีวิตของผู้ที่เป็นไบโพลาร์ เพราะบางครั้ง “การบอกว่าเราอยู่ตรงนี้” ก็อาจเป็นยาที่ดีที่สุดแล้วสำหรับหัวใจที่กำลังอ่อนแรง

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *