ปัญหาวัยรุ่นที่ถูกมองว่าดื้อ จริง ๆ อาจเป็นพัฒนาการที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ
เด็กเริ่มก้าวเข้าสู่วัยรุ่น หลายครอบครัวพบว่าพฤติกรรมที […]

ความกังวลเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ทุกคนต้องเจอในชีวิต แต่ถ้าความกังวลกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนรู้สึกไม่สามารถควบคุมได้ หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยในแต่ละวันก็กระตุ้นให้ใจไม่สงบ อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่เรียกว่า “โรควิตกกังวล” ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจส่งผลต่อทั้งการใช้ชีวิต สุขภาพกาย และความสัมพันธ์โดยรวมอย่างไม่รู้ตัว

สารบัญเนื้อหา
Toggleความกังวล คือการคิดเผื่อ คิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าความคิดนั้นไม่จบง่าย ๆ คิดวนไปมา หรือจินตนาการไปข้างหน้าจนไม่สามารถใช้ชีวิตกับปัจจุบันได้อีก คือจุดเริ่มต้นของความกังวลเรื้อรังที่ควรเฝ้าระวัง

ภาวะวิตกกังวลไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะไม่ได้ส่งผลแค่ทางความคิดหรืออารมณ์ แต่ยังส่งผลทางร่างกาย เช่น อาการใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง ปวดหัว หรือท้องไส้ปั่นป่วนเมื่อเผชิญสถานการณ์บางอย่าง
หากไม่เข้าใจและไม่ดูแลตั้งแต่ต้น ความกังวลเรื้อรังอาจกลายเป็นภาวะวิตกกังวลเรื้อรัง (GAD) ทำให้บุคคลนั้นมีแนวโน้มเกิดโรคซึมเศร้าร่วมด้วย ความมั่นใจลดลงเรื่อย ๆ พฤติกรรมเปลี่ยน และอาจหลีกเลี่ยงทุกสิ่งที่เคยทำได้ดี
นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อระบบร่างกาย เช่น

ความกังวลที่ดี คือ การคิดเผื่อเพื่อเตรียมพร้อม โดยไม่ได้ทำให้เราทุกข์ แต่ความกังวลที่ควรระวังคือความคิดที่วนเวียนอยู่กับความกลัวเกินจริง คิดมากเกินความเป็นจริง และยิ่งคิดยิ่งไม่กล้าขยับไปไหนเลย วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ถ้าความกังวลของคุณทำให้รู้สึกอึดอัด รำคาญตัวเอง หรือกระทบการใช้ชีวิตในแต่ละวัน แม้เพียงเล็กน้อย นั่นอาจถึงเวลาที่ควรหาวิธีดูแลใจอย่างจริงจัง
จดสิ่งที่กังวลออกมาให้ชัดเจน แล้วตั้งคำถามกลับ เช่น “เรื่องนี้ร้ายแรงขนาดนั้นจริงไหม?” หรือ “ถ้าเกิดขึ้นจริง ฉันจะรับมือได้ไหม?”
การหายใจลึก ๆ เดินช้า ๆ หรือแค่จดจ่อกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว ช่วยให้ใจไม่หลุดไปอยู่กับความกลัวในอนาคต
ข้อมูลที่มากเกินไปสามารถกระตุ้นความกังวลโดยไม่รู้ตัว ลองกำหนดช่วงเวลาชัดเจนในการเสพข่าว แล้วพักจากหน้าจออย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง
บางครั้งการได้เล่าความคิดให้คนที่ฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน ก็ช่วยคลายความกังวลได้ไม่น้อย หากรู้สึกว่าอาการเริ่มชัดเจน ลองเปิดใจพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อหาทางออกที่เหมาะกับตัวเอง
ความกังวลไม่ใช่จุดอ่อน แต่มันบอกเราว่าใจต้องการดูแล ไม่ต้องอายที่จะยอมรับว่า “ใจฉันอ่อนล้า” เพราะความกลัว หรือความคิดมากไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าเริ่มรู้สึกว่ามันรบกวนชีวิตมากขึ้นทุกวัน อย่ารอให้ถึงจุดที่เสียการควบคุม ดูแลใจเหมือนที่คุณดูแลร่างกาย แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตเบาขึ้นเมื่อใจไม่ต้องกังวลตลอดเวลา
เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia
เด็กเริ่มก้าวเข้าสู่วัยรุ่น หลายครอบครัวพบว่าพฤติกรรมที […]
พ่อแม่มีอิทธิพลต่อเด็กมากกว่าที่หลายคนคิด เพราะนอกจากจะ […]
ภาวะสุขภาพจิตที่ซับซ้อนและมีอาการหลายรูปแบบ อาการที่พบไ […]
การดึงผมอาจดูเหมือนพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่ทำเวลานั่งคิด หรือ […]
Masked Depression หรือซึมเศร้าแบบซ่อนเร้น ซึ่งผู้ป่วยจำ […]
ปัญหานอนไม่หลับบ้างเป็นครั้งคราว หรือรู้สึกได้ยินเสียงบ […]
เทคโนโลยีที่เข้าถึงง่าย ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน คอมพิวเตอ […]
มีอารมณ์ขึ้นลง หงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อย หรือโกรธเมื่อเ […]
เรื่องสุขภาพจิตยังคงเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงด้วยความกลัวแ […]