ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
Silent crisis: Thai mental health is declining, suicide rates are at a 10-year high

วิกฤตเงียบ สุขภาพจิตคนไทยถดถอย ฆ่าตัวตายพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี

สุขภาพจิตคือ สำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย และเป็นตัวกำหนดคุณภาพชีวิตในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน ความสัมพันธ์ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ล่าสุด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยรายงานสุขภาพคนไทยปี 2568 ซึ่งชี้ชัดว่าคนไทยกำลังเผชิญวิกฤตเงียบ ปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่น่าตกใจ คือ อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในประเทศพุ่งสูงสุดในรอบสิบปีที่ผ่านมา

Numbers reflecting a major problem

ตัวเลขที่สะท้อนปัญหาใหญ่

รายงานครั้งนี้ระบุว่า คนไทย กว่า 13.4 ล้านคน หรือคิดเป็นเกือบหนึ่งในห้าของประชากร เคยประสบปัญหาสุขภาพจิตหรือมีภาวะจิตเวช จะมีบางส่วนได้รับการรักษา แต่ยังมีอีกจำนวนมากที่ไม่เข้าถึงบริการ เนื่องจากความอาย ความไม่เข้าใจ หรือการขาดโอกาสเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข ที่น่าห่วงที่สุดคือ อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีหลัง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยทำงานตอนต้น สาเหตุสำคัญมาจากปัญหาเศรษฐกิจ ภาระหนี้สิน ความกดดันทางสังคม รวมถึงการขาดระบบสนับสนุนทางใจที่เข้มแข็ง

ปัจจัยที่ผลักให้สุขภาพจิตถดถอย

  1. ภาวะเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือน

ค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่รายได้ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย ทำให้หลายครอบครัวอยู่ในภาวะกดดันต่อเนื่อง ความเครียดสะสมจึงกลายเป็นชนวนให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต

  1. ความคาดหวังจากสังคมและครอบครัว

เด็กและเยาวชนจำนวนมากถูกกดดันด้วยเรื่องการเรียน คะแนนสอบ และการหางานที่มั่นคง ส่วนวัยทำงานก็เจอกับความไม่มั่นคงทางอาชีพและการเปรียบเทียบในสังคมออนไลน์

  1. ความโดดเดี่ยวทางสังคม

แม้จะอยู่ในโลกที่เชื่อมต่อกันตลอดเวลา แต่หลายคนกลับรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น การใช้โซเชียลมีเดียที่มากเกินไปทำให้เกิดการเปรียบเทียบและความรู้สึกด้อยค่า

  1. ทัศนคติของสังคมที่ยังตีตราผู้ป่วย

หลายคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตไม่กล้าไปพบแพทย์ เพราะกลัวถูกมองว่าเป็น “คนแปลก” หรือ “คนไม่ปกติ” ซึ่งทำให้ไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมตั้งแต่ต้น

Impacts that should not be overlooked

ผลกระทบที่ไม่ควรมองข้าม

เมื่อสุขภาพจิตถดถอย ผลกระทบจะเกิดขึ้นในทุกมิติ เช่น

  • ต่อร่างกาย ภูมิคุ้มกันต่ำ นอนหลับยาก อ่อนเพลียเรื้อรัง
  • ต่อการทำงาน ประสิทธิภาพลดลง สมาธิสั้น ขาดงานบ่อย
  • ต่อครอบครัวและสังคม ความสัมพันธ์ตึงเครียด เกิดความขัดแย้งในครัวเรือน
  • ต่อประเทศ เมื่อคนจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิต ย่อมกระทบต่อกำลังแรงงานและระบบเศรษฐกิจโดยรวม

วิธีดูแลตัวเองและคนรอบข้าง

แม้สถานการณ์ดูน่ากังวล แต่เราสามารถเริ่มต้นดูแลสุขภาพใจได้ด้วยวิธีง่าย ๆ

  • จัดเวลาพักผ่อนให้เพียงพอและสร้างกิจวัตรที่สมดุล
  • ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อช่วยลดความเครียด
  • พูดคุยกับคนใกล้ชิด อย่าปล่อยให้ความทุกข์คั่งค้างในใจ
  • ลดการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น โดยเฉพาะในโลกออนไลน์
  • ฝึกการหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิเพื่อคลายความวิตกกังวล
When to seek professional help

เมื่อควรขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

หากมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยา

  • รู้สึกเศร้า สิ้นหวัง หรือหมดพลังใจเรื้อรัง
  • มีปัญหาการนอน นอนไม่หลับ ตื่นบ่อย หรือฝันร้ายบ่อยครั้ง
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือกินมากผิดปกติ
  • ขาดสมาธิและไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิม
  • มีความคิดทำร้ายตัวเอง

รายงานสุขภาพปี 68 ของ สสส.-มหิดล ไม่ได้เป็นเพียงสถิติที่น่าตกใจ แต่คือสัญญาณเตือนที่ทุกภาคส่วนต้องรับฟัง สุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องเล็กที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้ม หากไม่เร่งแก้ไขตั้งแต่วันนี้ ปัญหาที่ดูเหมือนเป็น “เรื่องส่วนตัว” อาจกลายเป็นวิกฤตระดับชาติในอนาคตอันใกล้

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *