ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
เช็ค 10 สัญญาณ Dead Inside แค่เหนื่อย หรืออยู่ในภาวะสิ้นยินดีแล้วจริง ๆ

เช็ค 10 สัญญาณ Dead Inside แค่เหนื่อย หรืออยู่ในภาวะสิ้นยินดีแล้วจริง ๆ

เช็ค 10 สัญญาณ Dead Inside แค่เหนื่อย หรืออยู่ในภาวะสิ้นยินดีแล้วจริง ๆ

บางครั้งความเหนื่อยไม่ได้อยู่แค่ที่ร่างกาย แต่ลึกลงไปถึงใจตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่างเปล่าข้างใน เหมือนมีแต่ร่างกายที่หายใจอยู่ ทำกิจวัตรประจำวันได้ แต่ใจรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ ไร้อารมณ์ แสร้งยิ้มกับคนอื่น อยากหายไปสักพัก ไปที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่ต้องเป็นอะไรกับใคร  นี่คือสัญญาณของ “Dead Inside”  ภาวะที่วิญญาณเหมือนตายไปแล้ว”Dead Inside” ไม่ใช่โรคทางการแพทย์ แต่เป็นภาวะทางจิตใจ ที่หลายคนกำลังประสบ เป็นความรู้สึกว่า พลังชีวิตหมดสิ้น แม้ร่างกายยังมีชีวิต ไม่มีความกระตือรือร้น ไม่มีความสุข ไม่มีความหวัง 

สถิติที่น่าตกใจ 4 ใน 10 คนไทยเคยรู้สึก “Dead Inside” อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ผู้หญิงพบมากกว่าผู้ชาย ในอัตราส่วน 3:2 วัยทำงาน (25-45 ปี) เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่สุด 80% ไม่เคยขอความช่วยเหลือ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ 

สารบัญเนื้อหา

10 สัญญาณ Dead Inside” หรือภาวะสิ้นยินดี 

1. แปลกแยก อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว 

ไม่อยากเจอใคร แม้แต่คนใกล้ชิด รู้สึกว่าการสังสรรค์เป็นภาระ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลุ่ม ปฏิเสธคำเชิญต่างๆ ด้วยข้ออ้างมากมายรู้สึกแปลกแยกแม้อยู่ท่ามกลางคน เหมือนมีกำแพงล่องหนกั้นไว้ต้องการความเงียบ เสียงคุยกันทำให้รำคาญ หงุดหงิด การสื่อสารลดลง ไม่ตอบโทรศัพท์ ข้อความ หรือตอบสั้นๆ แห้งๆ 

2. ปัญหาเรื่องการนอน นอนไม่หลับ ไม่อยากตื่น 

นอนไม่หลับ คิดวนไปวนมา สมองไม่ยอมหยุดทำงาน ตื่นกลางดึก แล้วกลับนอนไม่ได้ จ้องเพดานไปเปล่าๆ ไม่อยากตื่นขึ้นมา อยากนอนไปเรื่อยๆ หนีจากความจริง นอนมากผิดปกติ ใช้การนอนหลบหนีปัญหา ฝันร้าย หรือฝันที่ทำให้เหนื่อยล้า ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา แม้จะนอนมาพอแล้ว

3. เจ็บกับทุกสิ่ง รู้สึกหมดความสุข 

สิ่งที่เคยชอบไม่น่าสนใจ งานอดิเรกที่เคยหลงใหลกลับเซาะซ้า ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับอะไร แม้เรื่องดีๆ ที่ควรจะดีใจ ทุกอย่างดูไร้สีสัน โลกเหมือนเป็นขาวดำ ไม่มีสีสัน แม้ข่าวดีก็ไม่ดีใจ รู้สึกเฉยชา ไม่มีอารมณ์ รู้สึกเศร้าไร้เหตุผล ไม่รู้ว่าทำไมเศร้า แต่ใจมันเศร้า น้ำตาไหลง่าย หรือกลับกัน ไม่สามารถร้องไห้ได้แม้จะเสียใจ

4. กังวล เครียดบ่อย

วิตกกังวลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ปกติไม่เคยสนใจ คิดมากเรื่องอนาคต กลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่ออก โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน มือสั่น เท้าสั่น จากความกังวลที่สะสม ปวดหัว ตึงคอ ไหล่แข็ง จากความเครียดเรื้อรัง นอนไม่หลับเพราะกังวล คิดไปคิดมาเรื่องต่างๆ 

5. เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ 

พลังงานหมดสิ้น แม้จะไม่ได้ทำอะไรมาก รู้สึกเหมือนแบตหมด ทำงานบ้านเป็นภาระ แม้แต่การอาบน้ำ แต่งตัวก็รู้สึกหนัก การเคลื่อนไหวช้าลง เดินช้า พูดช้า คิดช้าไม่มีแรงจูงใจ ทำอะไรก็รู้สึกเหมือนเปล่าประโยชน์ รู้สึกว่าทุกอย่างหนักหน่วง แม้แต่การหยิบน้ำมาดื่มเหนื่อยทั้งกายและใจ ไม่รู้ว่าเหนื่อยจากอะไร

6. มีภาวะซึมเศร้า 

อารมณ์เศร้าเป็นเวลานาน มากกว่า 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ไม่มีความหวัง รู้สึกว่าอนาคตมืดมน ไม่มีแสงสว่าง คิดว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีใครต้องการ เป็นภาระของคนอื่น รู้สึกผิด กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ใช่ความผิดของเรา ไม่อยากดูแลตัวเอง ไม่สนใจการแต่งตัว ความสะอาดส่วนตัว ความคิดร้ายต่อตัวเอง อยากทำร้ายตัวเอง หรือไม่อยากมีชีวิตอยู่ 

7. โรคกินไม่หยุด หรือกินเยอะผิดปกติ 

Emotional Eating กินเพื่อระบายความรู้สึก ไม่ใช่เพราะหิว กินของหวาน ของมัน เพื่อกระตุ้นฮอร์โมนความสุขชั่วคราว กินตอนกลางดึก ตื่นมากินของว่าง หรือกินจุบจิบตลอดเวลาหรือกลับกัน ไม่อยากกิน เบื่ออาหาร ไม่รู้สึกหิว น้ำหนักเปลี่ยนแปลงผิดปกติ เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกผิดหลังกิน ตำหนิตัวเอง แล้วกินเพิ่มเพื่อระบายความรู้สึกผิด 

8. ขาดสมาธิ ลืมง่าย หงุดหงิดง่าย 

ไม่สามารถจดจ่อ กับงาน หรือกิจกรรมใดๆ ได้นาน ลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บ่อยขึ้น เช่น วางกุญแจไว้ที่ไหน ตัดสินใจได้ยาก แม้เรื่องง่ายๆ เช่น จะกินอะไร จะใส่เสื้อตัวไหน หงุดหงิดง่าย โมโหเร็ว โดยเฉพาะกับคนใกล้ชิด อดทนน้อยลง กับเรื่องที่ปกติทำได้ ตอนนี้ทำไม่ไหว สับสน ไม่มีสมาธิ รู้สึกเหมือนสมองหมอกมาก 

9. ตั้งคำถามว่าชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร 

“ทำไมต้องมีชีวิตอยู่?” “อยู่ไปก็เปล่าประโยชน์” รู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย ทำอะไรไปก็ไม่มีจุดหมาย 

ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร ไม่มีความฝัน ความปรารถนา รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ ของครอบครัว สังคม มองไม่เห็นอนาคต ไม่อยากวางแผนอะไร คิดว่าโลกนี้จะดีขึ้นถ้าไม่มีเรา 

10. รู้สึกหมดทางออกกับความเศร้า 

รู้สึกว่าติดอยู่ ในวงจรแห่งความเศร้า ไม่มีทางหนี เคยพยายามหาทางออกแล้ว แต่ไม่ได้ผล ทำให้ท้อใจมากขึ้น ไม่เชื่อว่าจะดีขึ้น คิดว่าความเศร้านี้จะอยู่ไปตลอด รู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะมีคนรอบข้างมากมาย ไม่อยากรบกวนใคร เก็บความเจ็บปวดไว้คนเดียวคิดถึงการจบชีวิต เป็นทางออกจากความทุกข์

สาเหตุที่ทำให้เกิด “Dead Inside”

  • ความเครียดจากงาน

งานหนักเกินขีดจำกัด ไม่มี Work-Life Balance หัวหน้าที่ไม่เข้าใจ หรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ ไม่มีโอกาสเติบโต รู้สึกติดอยู่ในที่เดิม 

  •  ปัญหาทางการเงิน

หนี้สินท่วมหัว รายจ่ายมากกว่ารายได้ ความไม่มั่นคงทางการเงิน กลัวอนาคต ต้องทำงานหลายที่เพื่อประทังชีวิต.

  • ปัญหาความสัมพันธ์

ความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุข หรือเพิ่งจบความสัมพันธ์ ปัญหาในครอบครัว ไม่มีที่พึ่ง รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครเข้าใจจริงๆ

  • ปัญหาสุขภาพ

โรคเรื้อรัง หรือปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ความเจ็บปวดเรื้อรัง ทำให้หมดกำลังใจ ผลข้างเคียงของยา ที่ทำให้อารมณ์แปรปรวน

  • ความผิดปกติทางเคมีสมอง

ระดับ Serotonin, Dopamine ต่ำ ฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น พันธุกรรมที่มีประวัติภาวะซึมเศร้า

  • ปัจจัยจากสังคม

แรงกดดันจากโซเชียลมีเดีย การเปรียบเทียบ สังคมที่แข่งขันสูง ไม่ให้อภัย การขาดการยอมรับ หรือการสนับสนุนจากสังคม 

วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น

ดูแลร่างกาย

  • ออกกำลังกายเบาๆ เดิน 30 นาทีต่อวัน
  • กินอาหารที่มีประโยชน์ ลดของหวาน ของมัน
  • นอนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
  • อาบแดดตอนเช้า 15-30 นาที ให้ร่างกายผลิตวิตามิน D .

ดูแลจิตใจ

  • ทำสมาธิ หรือฝึกหายใจลึก 10 นาทีต่อวัน 
  • เขียน Journal บันทึกความรู้สึกทุกวัน 
  • ฟังเพลงที่ชอบ หรือเล่นดนตรี 
  • อ่านหนังสือ ที่เป็นแรงบันดาลใจ 
  • ดูหนังตลก หรือคลิปที่ทำให้หัวเราะ 

เชื่อมต่อกับธรรมชาติ

  • เดินในสวนสาธารณะ หรือริมชายหาด 
  • ปลูกต้นไม้ หรือดูแลสวนเล็กๆ 
  • เลี้ยงสัตว์ แมว หมา ปลา เพื่อมีสิ่งมีชีวิตเป็นเพื่อน 
  • ชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือ พระอาทิตย์ตก 

สร้างการเชื่อมต่อกับผู้คน

  • ร่วมกิจกรรมอาสาสมัคร ช่วยเหลือผู้อื่น 
  • เข้าร่วมกลุ่ม ชมรม ที่มีความสนใจเหมือนกัน
  • โทรหาคนที่นานไม่ได้คุย เพื่อเก่า ญาติ
  • ให้กำลังใจคนอื่น ที่อาจจะกำลังลำบากเหมือนกัน

ทำกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกดี

  • วาดรูป ระบายสี แม้จะวาดไม่เก่ง 
  • ทำอาหาร ขนมที่ชอบกิน 
  • ถ่ายภาพ สิ่งที่สวยงามรอบตัว 
  • เรียนสิ่งใหม่ ภาษา ดนตรี ทักษะใหม่ 
  • จัดระเบียบบ้าน ทิ้งของที่ไม่ใช้ 

จำไว้เสมอคุณไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้คนมากมายที่เคยรู้สึกแบบเดียวกับคุณ และผ่านพ้นมาได้ ความรู้สึกนี้ไม่ได้อยู่ตลอดไปไม่ว่าจะมืดมิดแค่ไหน รุ่งเช้าจะกลับมา การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอแต่เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมนุษย์ 

คุณมีค่ามากกว่าที่คุณคิดโลกนี้จะไม่เหมือนเดิมถ้าไม่มีคุณ ทุกวันที่คุณยังหายใจอยู่ คือโอกาสใหม่ โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ และค้นหาความหมายของชีวิต “ขุ่นแค่ไหน… ก็ใสได้”การรักษาใจให้หาย ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่เมื่อเราให้โอกาสตัวเอง และรับการช่วยเหลือที่เหมาะสม ราจะค้นพบว่า ชีวิตยังมีความหมาย และความสุขรออยู่ เริ่มต้นวันนี้ ด้วยการดูแลใจตัวเองนะ 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *