ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
เรียนหนัก กดดันสูง… ระวังซึมเศร้าที่มาเงียบ ๆ พร้อมวิธีดูแลใจนักเรียนยุคนี้

เรียนหนัก กดดันสูง ระวังซึมเศร้าที่มาเงียบ ๆ พร้อมวิธีดูแลใจนักเรียนยุคนี้

เรียนหนัก กดดันสูง… ระวังซึมเศร้าที่มาเงียบ ๆ พร้อมวิธีดูแลใจนักเรียนยุคนี้

สอบติดก็เครียด สอบไม่ติดก็เครียด ติดแล้วกลัวว่าจะรักษาเกรดไม่ได้ ไม่ติดแล้วกลัวว่าพ่อแม่จะผิดหวัง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง… ใจก็ไม่เคยสบาย

 ความกดดันเรื่องเรียนไม่ใช่เรื่องเล็ก

ในสังคมไทยที่เน้นผลการเรียน การแข่งขัน และการเปรียบเทียบ เด็กนักเรียนหลายคนต้องแบกรับความกดดันมหาศาล จนอาจซ่อน สัญญาณซึมเศร้า ที่เด็กหลายคนไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวแต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวว่าจะถูกมองว่า “ขี้แพ้” 

อาการเตือนที่ควรสังเกต 

เปลี่ยนแปลงทางอารมณ์

  •  ไม่สนุกกับสิ่งที่เคยชอบ เช่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง
  •  เศร้า หงุดหงิด โมโหง่าย โดยเฉพาะตอนพูดเรื่องเรียน
  •  ร้องไห้ง่าย หรือรู้สึกว่างเปล่าข้างใน
  •  กลัวล้มเหลว กลัวการประเมินผล กลัวถูกเปรียบเทียบ

เปลี่ยนแปลงการเรียน/ความคิด

  •  สมาธิสั้น ทำอะไรไม่ได้นาน อ่านหนังสือไม่เข้าหัว
  •  ความจำแย่ลง ลืมบทเรียนที่เพิ่งท่อง
  •  เกรดตก หรือผลงานแย่ลงอย่างกะทันหัน
  •  คิดลบกับตัวเองบ่อยๆ “ฉันโง่” “ฉันไม่เก่ง” “ฉันทำอะไรไม่ได้”

เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์กับคนอื่น

  •  รู้สึกไม่มีคุณค่า เมื่อเทียบกับเพื่อนที่เก่งกว่า
  •  ไม่อยากเข้าสังคม หลีกเลี่ยงเพื่อน ครู
  •  ไม่อยากไปโรงเรียน บางทีโกหกป่วยเพื่อไม่ต้องไป
  •  โต้เถียงกับพ่อแม่เรื่องการเรียนบ่อยขึ้น

เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมประจำวัน

  •  นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป หนีปัญหาด้วยการนอน
  •  กินน้อยลง หรือกินมากผิดปกติ
  •  ปวดหัว ปวดท้อง โดยไม่ทราบสาเหตุ
  •  เหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้จะไม่ได้ทำอะไรมาก

สัญญาณอันตราย (ต้องดำเนินการทันที)

 พูดเรื่องการทำร้ายตัวเอง หรือไม่อยากมีชีวิตอยู่  มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง เช่น กรีดข้อมือ  ให้ของที่รักกับเพื่อน โดยไม่มีเหตุผลพิเศษ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างรุนแรงและกะทันหัน 

บทบาทของครอบครัว 

สิ่งที่ผู้ปกครองควรทำ

“รับฟัง ไม่กดดัน” เป็นหลักสำคัญที่สุด ถามว่า “วันนี้เป็นยังไงบ้าง” แทนที่จะถาม “เรียนเป็นยังไงบ้าง” 

ให้กำลังใจในกระบวนการ ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ บอกว่า “พ่อแม่รักลูกไม่ว่าผลการเรียนจะเป็นยังไง”ไม่เปรียบเทียบกับพี่น้อง หรือลูกคนอื่น 

สิ่งที่ไม่ควรทำ

อย่าพูดว่า “เครียดไปทำไม เป็นแค่การสอบ ลูกคนอื่นเขาทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้” อย่าให้รางวัลหรือลงโทษที่มากเกินไปกับเกรด อย่าฟังแต่คำปรึกษาจากคนอื่น ลืมฟังเสียงของลูก 

บทบาทของครู 

สังเกตพฤติกรรมเด็กที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่ดูเกรด สร้างบรรยากาศห้องเรียนที่ปลอดภัย ไม่ยึดติดแค่ผลสัมฤทธิ์ ให้คำปรึกษา หรือส่งต่อไปยังครูแนะแนว/นักจิตวิทยา เน้นพัฒนาศักยภาพแต่ละคน ไม่เปรียบเทียบ

 วิธีจัดการความเครียดสำหรับเด็กนักเรียน

  •  เทคนิคการเรียนที่ลดความเครียด แบ่งการเรียนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ (25 นาที พัก 5 นาที) หาวิธีการเรียนที่เหมาะกับตัวเอง ไม่ต้องเลียนแบบคนอื่น ตั้งเป้าหมายให้เหมาะสม ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป เฉลยข้อสงสัยทันที อย่าสะสมปัญหา
  •  กิจกรรมคลายเครียด ออกกำลังกายเบาๆ เดิน วิ่ง ยืดเหยียด ฟังเพลง วาดรูป เขียน หรือทำกิจกรรมศิลปะ ฝึกการหายใจลึก สมาธิ โยคะ ใช้เวลากับธรรมชาติ นั่งในสวน ดูท้องฟ้า
  •  สร้างระบบช่วยเหลือ คุยกับเพื่อนที่ไว้ใจ แบ่งปันความรู้สึก เข้ากลุ่ม ชมรม ที่ทำให้รู้สึกดี มีความสุขขอความช่วยเหลือจากครูแนะแนว เมื่อรู้สึกไม่ดี โทรหาสายด่วน เด็กและเยาวชน 1387 (24 ชั่วโมง ฟรี)
  •  เปลี่ยนมุมมองต่อการสอบการสอบคือการวัดความรู้ ไม่ใช่การวัดความเป็นคน ล้มเหลวในการสอบ ≠ ล้มเหลวในชีวิต

ทุกคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ต้องเหมือนใคร ความสำเร็จมีหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่เกรด A  สิ่งสำคัญที่สุดคือ… ครอบครัวและครูควร “รับฟัง ไม่กดดัน” เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกโดดเดี่ยว การที่เด็กรู้สึกว่ามีคนเข้าใจ มีที่พึ่งได้ จะช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากนี้ไปได้ เพราะสุขภาพใจ สำคัญกว่าเกรดเสมอ เด็กที่มีจิตใจแข็งแกร่ง จะสร้างอนาคตที่ดีได้ดีกว่าเด็กที่มีแค่เกรดดี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *