หลับไม่ต่อเนื่อง ตื่นบ่อย กลับมาหลับยาก สมองมีแต่เรื่องให้คิด อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก
หลับไม่ต่อเนื่อง ตื่นบ่อย แล้วกลับมาหลับยาก นอนได้ปุ๊บ […]
บางครั้งความเหนื่อยไม่ได้อยู่แค่ที่ร่างกาย แต่ลึกลงไปถึงใจตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกว่างเปล่าข้างใน เหมือนมีแต่ร่างกายที่หายใจอยู่ ทำกิจวัตรประจำวันได้ แต่ใจรู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ ไร้อารมณ์ แสร้งยิ้มกับคนอื่น อยากหายไปสักพัก ไปที่ที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่ต้องเป็นอะไรกับใคร นี่คือสัญญาณของ “Dead Inside” ภาวะที่วิญญาณเหมือนตายไปแล้ว”Dead Inside” ไม่ใช่โรคทางการแพทย์ แต่เป็นภาวะทางจิตใจ ที่หลายคนกำลังประสบ เป็นความรู้สึกว่า พลังชีวิตหมดสิ้น แม้ร่างกายยังมีชีวิต ไม่มีความกระตือรือร้น ไม่มีความสุข ไม่มีความหวัง
สถิติที่น่าตกใจ 4 ใน 10 คนไทยเคยรู้สึก “Dead Inside” อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต ผู้หญิงพบมากกว่าผู้ชาย ในอัตราส่วน 3:2 วัยทำงาน (25-45 ปี) เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่สุด 80% ไม่เคยขอความช่วยเหลือ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ
สารบัญเนื้อหา
Toggleไม่อยากเจอใคร แม้แต่คนใกล้ชิด รู้สึกว่าการสังสรรค์เป็นภาระ หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลุ่ม ปฏิเสธคำเชิญต่างๆ ด้วยข้ออ้างมากมายรู้สึกแปลกแยกแม้อยู่ท่ามกลางคน เหมือนมีกำแพงล่องหนกั้นไว้ต้องการความเงียบ เสียงคุยกันทำให้รำคาญ หงุดหงิด การสื่อสารลดลง ไม่ตอบโทรศัพท์ ข้อความ หรือตอบสั้นๆ แห้งๆ
นอนไม่หลับ คิดวนไปวนมา สมองไม่ยอมหยุดทำงาน ตื่นกลางดึก แล้วกลับนอนไม่ได้ จ้องเพดานไปเปล่าๆ ไม่อยากตื่นขึ้นมา อยากนอนไปเรื่อยๆ หนีจากความจริง นอนมากผิดปกติ ใช้การนอนหลบหนีปัญหา ฝันร้าย หรือฝันที่ทำให้เหนื่อยล้า ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น รู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา แม้จะนอนมาพอแล้ว
สิ่งที่เคยชอบไม่น่าสนใจ งานอดิเรกที่เคยหลงใหลกลับเซาะซ้า ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับอะไร แม้เรื่องดีๆ ที่ควรจะดีใจ ทุกอย่างดูไร้สีสัน โลกเหมือนเป็นขาวดำ ไม่มีสีสัน แม้ข่าวดีก็ไม่ดีใจ รู้สึกเฉยชา ไม่มีอารมณ์ รู้สึกเศร้าไร้เหตุผล ไม่รู้ว่าทำไมเศร้า แต่ใจมันเศร้า น้ำตาไหลง่าย หรือกลับกัน ไม่สามารถร้องไห้ได้แม้จะเสียใจ
วิตกกังวลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ปกติไม่เคยสนใจ คิดมากเรื่องอนาคต กลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่ออก โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน มือสั่น เท้าสั่น จากความกังวลที่สะสม ปวดหัว ตึงคอ ไหล่แข็ง จากความเครียดเรื้อรัง นอนไม่หลับเพราะกังวล คิดไปคิดมาเรื่องต่างๆ
พลังงานหมดสิ้น แม้จะไม่ได้ทำอะไรมาก รู้สึกเหมือนแบตหมด ทำงานบ้านเป็นภาระ แม้แต่การอาบน้ำ แต่งตัวก็รู้สึกหนัก การเคลื่อนไหวช้าลง เดินช้า พูดช้า คิดช้าไม่มีแรงจูงใจ ทำอะไรก็รู้สึกเหมือนเปล่าประโยชน์ รู้สึกว่าทุกอย่างหนักหน่วง แม้แต่การหยิบน้ำมาดื่มเหนื่อยทั้งกายและใจ ไม่รู้ว่าเหนื่อยจากอะไร
อารมณ์เศร้าเป็นเวลานาน มากกว่า 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ไม่มีความหวัง รู้สึกว่าอนาคตมืดมน ไม่มีแสงสว่าง คิดว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีใครต้องการ เป็นภาระของคนอื่น รู้สึกผิด กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ใช่ความผิดของเรา ไม่อยากดูแลตัวเอง ไม่สนใจการแต่งตัว ความสะอาดส่วนตัว ความคิดร้ายต่อตัวเอง อยากทำร้ายตัวเอง หรือไม่อยากมีชีวิตอยู่
Emotional Eating กินเพื่อระบายความรู้สึก ไม่ใช่เพราะหิว กินของหวาน ของมัน เพื่อกระตุ้นฮอร์โมนความสุขชั่วคราว กินตอนกลางดึก ตื่นมากินของว่าง หรือกินจุบจิบตลอดเวลาหรือกลับกัน ไม่อยากกิน เบื่ออาหาร ไม่รู้สึกหิว น้ำหนักเปลี่ยนแปลงผิดปกติ เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกผิดหลังกิน ตำหนิตัวเอง แล้วกินเพิ่มเพื่อระบายความรู้สึกผิด
“ทำไมต้องมีชีวิตอยู่?” “อยู่ไปก็เปล่าประโยชน์” รู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย ทำอะไรไปก็ไม่มีจุดหมาย
ไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร ไม่มีความฝัน ความปรารถนา รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ ของครอบครัว สังคม มองไม่เห็นอนาคต ไม่อยากวางแผนอะไร คิดว่าโลกนี้จะดีขึ้นถ้าไม่มีเรา
รู้สึกว่าติดอยู่ ในวงจรแห่งความเศร้า ไม่มีทางหนี เคยพยายามหาทางออกแล้ว แต่ไม่ได้ผล ทำให้ท้อใจมากขึ้น ไม่เชื่อว่าจะดีขึ้น คิดว่าความเศร้านี้จะอยู่ไปตลอด รู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะมีคนรอบข้างมากมาย ไม่อยากรบกวนใคร เก็บความเจ็บปวดไว้คนเดียวคิดถึงการจบชีวิต เป็นทางออกจากความทุกข์
งานหนักเกินขีดจำกัด ไม่มี Work-Life Balance หัวหน้าที่ไม่เข้าใจ หรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ ไม่มีโอกาสเติบโต รู้สึกติดอยู่ในที่เดิม
หนี้สินท่วมหัว รายจ่ายมากกว่ารายได้ ความไม่มั่นคงทางการเงิน กลัวอนาคต ต้องทำงานหลายที่เพื่อประทังชีวิต.
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุข หรือเพิ่งจบความสัมพันธ์ ปัญหาในครอบครัว ไม่มีที่พึ่ง รู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครเข้าใจจริงๆ
โรคเรื้อรัง หรือปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ความเจ็บปวดเรื้อรัง ทำให้หมดกำลังใจ ผลข้างเคียงของยา ที่ทำให้อารมณ์แปรปรวน
ระดับ Serotonin, Dopamine ต่ำ ฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น พันธุกรรมที่มีประวัติภาวะซึมเศร้า
แรงกดดันจากโซเชียลมีเดีย การเปรียบเทียบ สังคมที่แข่งขันสูง ไม่ให้อภัย การขาดการยอมรับ หรือการสนับสนุนจากสังคม
จำไว้เสมอคุณไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้คนมากมายที่เคยรู้สึกแบบเดียวกับคุณ และผ่านพ้นมาได้ ความรู้สึกนี้ไม่ได้อยู่ตลอดไปไม่ว่าจะมืดมิดแค่ไหน รุ่งเช้าจะกลับมา การขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอแต่เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมนุษย์
คุณมีค่ามากกว่าที่คุณคิดโลกนี้จะไม่เหมือนเดิมถ้าไม่มีคุณ ทุกวันที่คุณยังหายใจอยู่ คือโอกาสใหม่ โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ และค้นหาความหมายของชีวิต “ขุ่นแค่ไหน… ก็ใสได้”การรักษาใจให้หาย ต้องใช้เวลาและความอดทน แต่เมื่อเราให้โอกาสตัวเอง และรับการช่วยเหลือที่เหมาะสม ราจะค้นพบว่า ชีวิตยังมีความหมาย และความสุขรออยู่ เริ่มต้นวันนี้ ด้วยการดูแลใจตัวเองนะ
หลับไม่ต่อเนื่อง ตื่นบ่อย แล้วกลับมาหลับยาก นอนได้ปุ๊บ […]
ตื่นมาแล้วรู้สึกหนักใจ ไม่อยากไปทำงาน เดินเข้าออฟฟิศแล้ […]
กดปุ่มปิดนาฬิกาปลุกแล้วอยากร้องไห้ เพราะไม่อยากไปทำงาน […]
หลายคนมองว่าการนวดเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอันตราย แต่ความ […]
“เงินไม่พอใช้… แต่รายจ่ายไม่เคยหยุด” เปิดแอ […]
สอบติดก็เครียด สอบไม่ติดก็เครียด ติดแล้วกลัวว่าจะรักษาเ […]
ทำงานหนักจนใจเริ่มพัง… แต่ยังฝืนบอกตัวเองว่าไหว”& […]
คุณเคยไหมครับ ที่นั่งถามตัวเองในใจว่า…เรากำลังเป็ […]