10 เช็กลิสต์สัญญาณ Dead Inside หรือภาวะสิ้นยินดีที่ไม่ควรมองข้าม
หลายคนอาจเคยรู้สึกเหนื่อยล้า เบื่อหน่าย หรือหมดไฟ แต่ถ้ […]
เคยรู้สึกไหมว่าไปทำงานแต่ละวัน เหมือนถูกกดทับด้วยภาระที่หนักเกินรับไหว ตื่นมาแล้วเหนื่อยล้า สมองไม่ปลอดโปร่ง ปวดหัวบ่อย หรือบางครั้งก็หงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าคุณกำลังมีอาการเหล่านี้อยู่ ไม่ได้มีเพียงคุณคนเดียวที่เจอ เพราะผลสำรวจล่าสุดเผยว่า พนักงานไทยกว่า 40% มีความเครียดสูง และ 17.2% กำลังอยู่ในภาวะน่ากังวล ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนว่าความเครียดไม่ใช่เรื่องส่วนตัวอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาสุขภาพจิตระดับสังคมที่ควรได้รับความสนใจค่ะ
ตัวเลขที่สะท้อนความจริงที่น่าห่วง
ผลสำรวจนี้ชี้ว่า คนทำงานไทยจำนวนมากแบกรับแรงกดดันทั้งจากภาระงาน ความคาดหวัง และปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า ตัวเลข 40% หมายความว่าพนักงาน 4 ใน 10 คน มีระดับความเครียด ที่ส่งผลต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงาน ขณะที่อีก 17.2% เข้าข่ายเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตรุนแรง หากไม่ได้รับการดูแล
ทำไมพนักงานไทยถึงเครียดมากขึ้น
- ภาระงานล้นมือ
ต้องทำงานเกินเวลาและงานมักไม่เสร็จ
- ความไม่มั่นคงในอาชีพ
กลัวตกงานหรือไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
- ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
แต่รายได้ไม่ขยับตาม
- บรรยากาศการทำงานที่กดดัน
ขาดการสนับสนุนจากหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน
- ขาดสมดุลชีวิตกับงาน
ไม่มีเวลาให้ครอบครัวหรือพักผ่อนเคยรู้สึกไหมว่าไปทำงานแต่ละวัน เหมือนถูกกดทับด้วยภาระที่หนักเกินรับไหว ตื่นมาแล้วเหนื่อยล้า สมองไม่ปลอดโปร่ง ปวดหัวบ่อย
ความเครียดสะสมส่งผลอย่างไร
- สุขภาพกายทรุดโทรม
ปวดหัวเรื้อรัง ป่วยง่าย ภูมิคุ้มกันลดลง
- สุขภาพใจอ่อนแอ
รู้สึกหมดไฟ ไม่อยากทำงาน และเสี่ยงเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า
- ความสัมพันธ์แย่ลง
หงุดหงิดกับคนรอบตัว ไม่อยากเข้าสังคม
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
ทำงานผิดพลาดบ่อย ไม่สามารถใช้ศักยภาพเต็มที่
วิธีดูแลใจท่ามกลางความกดดัน
- แบ่งเวลาอย่างชัดเจน
แยกเวลางานกับเวลาส่วนตัวให้ลงตัว
- พักเบรกสั้น ๆ ระหว่างวัน
ช่วยให้สมองผ่อนคลายและลดความเครียด
- ออกกำลังกายและนอนหลับให้เพียงพอ
เพราะร่างกายแข็งแรงช่วยพยุงใจให้เข้มแข็งขึ้น
- พูดคุยกับเพื่อนหรือครอบครัว
การเล่าความรู้สึกออกมาช่วยคลายภาระในใจ
- ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
หากรู้สึกว่าสถานการณ์เกินกว่าจะรับมือเอง
องค์กรควรมีบทบาทมากขึ้น
นอกจากพนักงานที่ต้องดูแลตัวเองแล้ว องค์กรควรสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ใส่ใจสุขภาพจิต เช่น ลดการทำงานเกินเวลา เปิดพื้นที่พูดคุยอย่างจริงใจ และจัดให้มีโปรแกรมสนับสนุนด้านสุขภาพจิต สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยพนักงาน แต่ยังทำให้องค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวเลขจากผลสำรวจไม่ใช่เพียงข้อมูล แต่คือเสียงสะท้อนจากคนทำงานจำนวนมากที่กำลังเผชิญความเครียดและความกังวลในชีวิตประจำวัน หากคุณกำลังมีอาการเหล่านี้อยู่ คุณไม่ได้เผชิญเพียงลำพัง การดูแลใจและขอความช่วยเหลือไม่ใช่ความอ่อนแอ จะทำให้คุณกลับมามีพลังและความสุขกับการใช้ชีวิตอีกครั้งค่ะ
เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia
