ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
ซึมเศร้าไม่ใช่แค่เศร้า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเข้าข่าย

ซึมเศร้าไม่ใช่แค่เศร้า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเข้าข่าย

รู้สึกเศร้า ผิดหวัง หรือหมดกำลังใจจากเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การสอบไม่ผ่าน การทะเลาะกับคนรัก หรือการสูญเสียคนสำคัญ ความรู้สึกเหล่านี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับบางคน ความเศร้ากลับไม่จางหายไปตามเวลา กลายเป็นความรู้สึกที่หนักแน่นอยู่ในใจทุกวัน จนกระทบต่อการทำงาน การเรียน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ภาวะนั้นเรียกว่า โรคซึมเศร้า (Depression) แตกต่างจาก “ความเศร้าทั่วไป” อย่างสิ้นเชิง

ความต่างระหว่างเศร้าธรรมดากับโรคซึมเศร้า

ความต่างระหว่างเศร้าธรรมดากับโรคซึมเศร้า

  • เศร้าธรรมดา เกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์เฉพาะ เช่น การผิดหวังหรือการสูญเสีย เมื่อเวลาผ่านไป อารมณ์จะค่อย ๆ ดีขึ้น และยังสามารถทำกิจกรรมที่ชอบหรือหัวเราะได้
  • โรคซึมเศร้า เป็นความเศร้าที่ลึกและยาวนานกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ เหนื่อยง่าย หรือรู้สึกไร้ค่า ซึ่งรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน

อาการหลักของโรคซึมเศร้า

หากมีอาการเหล่านี้หลายข้อร่วมกันต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ ควรพิจารณาว่าอาจเข้าข่ายโรคซึมเศร้า

  1. อารมณ์เศร้าเกือบตลอดเวลา รู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง
  2. หมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบ ไม่อยากทำกิจกรรมที่เคยให้ความสุข
  3. นอนผิดปกติ นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป
  4. เหนื่อยง่าย ไม่มีพลังงาน แม้ไม่ทำงานหนักก็รู้สึกหมดแรง
  5. เบื่ออาหารหรือน้ำหนักเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
  6. รู้สึกไร้ค่า โทษตัวเองมากเกินไป
  7. มีสมาธิลดลง ตัดสินใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ยาก
  8. คิดถึงความตายหรือการทำร้ายตัวเอง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง

  • ชีวภาพ ความไม่สมดุลของสารในสมอง เช่น เซโรโทนิน และโดพามีน
  • พันธุกรรม หากครอบครัวมีประวัติซึมเศร้า ความเสี่ยงจะสูงขึ้น
  • สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์สะเทือนใจ ความเครียดเรื้อรัง หรือการถูกละเลย
  • บุคลิกภาพ คนที่มีแนวโน้มคิดลบ มักจะโทษตัวเอง อาจเสี่ยงมากกว่า

ผลกระทบต่อชีวิต

โรคซึมเศร้าไม่ได้ทำให้แค่รู้สึกเศร้า แต่ยังรบกวนทุกด้านของชีวิต

  • ด้านการทำงาน/การเรียน ประสิทธิภาพลดลง ลาหรือขาดงานบ่อย
  • ด้านความสัมพันธ์ ห่างเหินจากเพื่อน ครอบครัว หรือคู่รัก
  • ด้านสุขภาพกาย เสี่ยงโรคหัวใจ ความดันสูง หรือภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ด้านสุขภาพจิต เพิ่มความเสี่ยงต่อการใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติด และการทำร้ายตัวเอง

จะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองเข้าข่าย

  1. อาการเศร้าหรือหดหู่ต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์
  2. อาการรบกวนชีวิตประจำวัน เช่น ไม่สามารถทำงาน พบปะผู้คน หรือดูแลตัวเองได้
  3. มีอาการทางร่างกายและจิตใจร่วมกัน ไม่ใช่เพียงความรู้สึกเศร้าเฉย ๆ

แบบคัดกรองเบื้องต้นที่ใช้บ่อย คือ PHQ-9 หากได้คะแนนสูงเกินเกณฑ์ ควรเข้าพบแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อประเมินอย่างละเอียด

การรักษาโรคซึมเศร้า

การรักษาโรคซึมเศร้า

  1. จิตบำบัด
    • CBT (Cognitive Behavioral Therapy) ช่วยปรับความคิดลบให้สมดุลขึ้น
    • Interpersonal Therapy ช่วยแก้ปัญหาความสัมพันธ์ที่เป็นต้นเหตุความเศร้า
  2. ยารักษา

แพทย์อาจสั่งยากลุ่ม SSRIs หรือ SNRIs เพื่อปรับสมดุลสารสื่อประสาท

  1. การดูแลตนเอง
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    • นอนหลับให้เพียงพอ
    • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และสารเสพติด
    • พูดคุยกับคนที่ไว้ใจเพื่อระบายความรู้สึก

โรคซึมเศร้าไม่ใช่แค่ความเศร้าธรรมดา แต่เป็นภาวะที่มีผลต่อสมอง อารมณ์ และร่างกายอย่างแท้จริง การสังเกตตัวเองและยอมรับว่าต้องการความช่วยเหลือ คือสิ่งที่สำคัญ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเข้าข่าย ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์หรือนักจิตวิทยา การรักษาที่ถูกต้องสามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *