เสริมคางแล้วต้องนอนท่าไหน ถึงจะไม่เบี้ยว

หลังเสริมคาง เป็นช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ “ท่านอน” เพราะส่งผลต่อการเข้าที่ของซิลิโคน หากนอนผิดท่าหรือมีแรงกดทับคางบ่อย ๆ อาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อน คางเบี้ยว หรือเกิดอาการบวมได้นานกว่าปกติ หลายคนอาจสงสัยว่า “หลังเสริมคางควรนอนแบบไหนถึงจะปลอดภัยและไม่ทำให้คางเสียรูป” มาดูคำแนะนำจากหลักการแพทย์กันค่ะ

ทำไมท่านอนจึงสำคัญหลังเสริมคาง

หลังผ่าตัดเสริมคาง จะมีอาการบวมและช้ำเล็กน้อยบริเวณใบหน้าและลำคอ เป็นอาการปกติที่เกิดจากเนื้อเยื่ออักเสบตามกลไกของร่างกาย แต่ถ้านอนในท่าที่ทำให้เลือดคั่งหรือเกิดแรงกดทับ เช่น นอนตะแคงหรือคว่ำหน้า อาการบวมจะยิ่งรุนแรง และซิลิโคนอาจขยับออกจากตำแหน่งเดิมได้

ท่านอนที่เหมาะสมหลังเสริมคาง

1. นอนหงาย โดยใช้หมอนรองศีรษะสูงเล็กน้อย

ท่านอนหงายเป็นท่าที่เหมาะที่สุดในช่วงพักฟื้น เพราะแรงกดจะกระจายไปทั่วใบหน้าอย่างสมดุล ไม่กระทบบริเวณคางโดยตรง การหนุนหมอนสูงเล็กน้อย (ประมาณ 30–45 องศา) จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ลดอาการบวม 

2. ใช้หมอนรองข้างหรือหมอนกันพลิกช่วยพยุง

ช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด หลายคนอาจเผลอนอนตะแคงโดยไม่รู้ตัว การใช้หมอนข้างหรือหมอนพยุงศีรษะด้านข้าง จะช่วยจำกัดการเคลื่อนไหว ทำให้นอนหงายได้ตลอดคืนโดยไม่กดบริเวณคาง

3. หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำเด็ดขาด

ท่านี้เป็นท่าที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุด เพราะแรงกดจากหมอนอาจทำให้ซิลิโคนเคลื่อน หรือแผลด้านในช่องปากอักเสบได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกที่เนื้อเยื่อยังไม่สมานตัวดี

เคล็ดลับช่วยให้นอนหงายได้ง่ายขึ้น

• ใช้หมอนรองคอแบบ U-Shape เพื่อพยุงศีรษะและลดการพลิก
• วางหมอนข้างสองข้างขนาบลำตัว เพื่อช่วยพยุงและเตือนเมื่อเผลอขยับ
• หลีกเลี่ยงหมอนที่นุ่มเกินไป เพราะศีรษะอาจจมและทำให้คางกดกับหมอนโดยไม่รู้ตัว
• หากมีปัญหานอนไม่หลับในช่วงแรก สามารถฟังเพลงเบา ๆ หรือเปิดเครื่องทำเสียงธรรมชาติช่วยให้ผ่อนคลาย

อาการที่ควรระวังขณะนอนหลังเสริมคาง

หากตื่นมาแล้วพบว่า

• คางรู้สึกเจ็บมากกว่าปกติ
• มีอาการตึงหรือบวมเพิ่มขึ้น
• หรือรู้สึกว่าคางเบี้ยวหรือเอียง

ควรรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อประเมินทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของซิลิโคนขยับ หรือมีการอักเสบภายในที่ต้องรักษาอย่างเร่งด่วน

หลังเสริมคาง ควรนอน หงายและหนุนหมอนสูงเล็กน้อย อย่างน้อย 2–3 สัปดาห์ เพื่อให้ซิลิโคนเข้าที่และลดอาการบวม ท่านอนที่เหมาะสมช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและปลอดภัยมากขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และหากมีอาการผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์โดยไม่รอให้หายเองค่ะ

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia