เปิดบริการห้องแล็บในสถาบันแพทย์แผนไทย เสริมอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยสู่สากล
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เ […]

HIV ยังคงเป็นโรคติดเชื้อที่สร้างภาระทั้งทางสังคมและระบบสาธารณสุข แม้จะมีการรักษาและการป้องกันมากขึ้น แต่สำคัญคือ “การใช้ยาอย่างต่อเนื่อง” ในกลุ่มผู้มีความเสี่ยง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การควบคุมโรคยังไม่ดีพอ ล่าสุด วงการแพทย์ให้ความสนใจต่อยาตัวใหม่ชื่อว่า “เลนาคาพาเวียร์ (Lenacapavir)” ซึ่งอยู่ในรูปแบบยาฉีดระยะยาวเพียงปีละสองครั้งเท่านั้น และมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ HIV เป็นอีกเทคโนโลยีการแพทย์ ที่อาจเปลี่ยนโฉมการป้องกันโรคนี้ในอนาคต รวมถึงสร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศไทยในฐานะประเทศผู้นำด้านสาธารณสุขของภูมิภาค

สารบัญเนื้อหา
Toggleตลอด 40 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการค้นพบเชื้อ HIV ได้พัฒนายาหลากหลายรูปแบบเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ หนึ่งในนั้นคือ ยา PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) หรือยาป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ ที่ใช้ได้ผลดีแต่มีข้อจำกัดคือต้อง “กินทุกวัน” เพื่อคงระดับยาในร่างกาย
การใช้ยาแบบนี้แม้มีประสิทธิภาพสูง แต่หลายคนกลับไม่สามารถใช้ได้ต่อเนื่องจากเหตุผลต่างๆ เช่น ลืมกิน กลัวการตีตรา หรือเข้าถึงบริการได้ยาก ทำให้ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ เลนาคาพาเวียร์ กลายเป็นความหวังใหม่ เพราะสามารถ “ฉีดเพียง 2 ครั้งต่อปี” แต่ยังคงมีฤทธิ์ป้องกันไวรัสได้ตลอดระยะเวลา 6 เดือน
เลนาคาพาเวียร์ เป็นยาต้านไวรัสในกลุ่ม Capsid Inhibitor ทำงานโดยการรบกวนกระบวนการสร้างและประกอบโปรตีนเปลือกของไวรัส HIV ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เชื้อเพิ่มจำนวนในร่างกายไม่ได้ คุณสมบัติเด่นคือออกฤทธิ์ยาวนานมาก ทำให้สามารถฉีดทุก 6 เดือนโดยแพทย์ ช่วยลดภาระในการกินยาทุกวัน และเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูงที่ต้องการการป้องกันอย่างต่อเนื่อง

ผลการศึกษาทางคลินิกพบว่า ยาเลนาคาพาเวียร์สามารถลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ HIV ได้เกือบ 100% เมื่อได้รับการฉีดอย่างถูกต้องและครบกำหนด อาการข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นเพียงอาการปวดหรือบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งหายได้เองในไม่กี่วัน และยังไม่พบผลกระทบต่อระบบตับหรือไตในผู้ที่มีสุขภาพดี
| ประเด็น | ยา PrEP แบบเดิม (กินทุกวัน) | เลนาคาพาเวียร์ (ยาฉีดทุก 6 เดือน) |
| ความถี่ในการใช้ | ต้องกินทุกวัน | ฉีดเพียงปีละ 2 ครั้ง |
| ความสะดวก | เสี่ยงลืมใช้ยา | ควบคุมโดยแพทย์ |
| ผลข้างเคียง | อาจกระทบไตและตับ | ผลข้างเคียงต่ำ |
| ความต่อเนื่อง | ขาดช่วงได้ง่าย | มีประสิทธิภาพต่อเนื่องยาวนาน |

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีระบบดูแลผู้ติดเชื้อและการป้องกัน HIV ที่มีประสิทธิภาพสูงในภูมิภาคเอเชีย มีโครงการ PrEP และ ART ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน และได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ หากยาเลนาคาพาเวียร์ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในประเทศไทย จะช่วยขยายโอกาสการป้องกันในกลุ่มเสี่ยง เช่น
ยาเลนาคาพาเวียร์จะเป็นความหวังใหม่ แต่ความท้าทายสำคัญคือ “การเข้าถึง” โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนยาและระบบการกระจาย การผลักดันให้ยาถูกบรรจุในโครงการภาครัฐ เช่น สปสช. หรือร่วมมือกับองค์การเภสัชกรรม อาจเป็นทางออกเพื่อให้คนไทยเข้าถึงได้เท่าเทียม หากดำเนินการได้สำเร็จ ไทยจะกลายเป็นประเทศแรกของเอเชียที่สามารถใช้ยาฉีดป้องกัน HIV ได้จริงในวงกว้าง
การมีตัวเลือกใหม่ในรูปแบบยาฉีดยังช่วยให้การป้องกันเป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับคนทั่วไป สร้างความเข้าใจใหม่ว่า “การดูแลสุขภาพทางเพศไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือความรับผิดชอบต่อชีวิต” เลนาคาพาเวียร์ คืออีกความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่อาจเปลี่ยนอนาคตของการป้องกัน HIV อย่างสิ้นเชิง ด้วยการใช้เพียงปีละ 2 ครั้งแต่ให้ผลป้องกันยาวนาน หากประเทศไทยสามารถนำยานี้มาใช้ในระบบบริการได้ จะเป็นโอกาสสำคัญในการลดผู้ติดเชื้อรายใหม่ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้
เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เ […]
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตและค […]
กระทรวงสาธารณสุขประกาศเดินหน้านโยบายสำคัญ “หมอไม่ล้า ปร […]
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ […]
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงพาณิชย์ ร่วมเปิดตัวนโย […]
การแพทย์สมัยใหม่และสมุนไพรไทยมาบรรจบกันอย่างน่าสนใจ กรม […]
การผ่าตัดหรือการรักษาโรคที่ซับซ้อน มักมาพร้อมกับความกัง […]
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร […]
เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ “หุ […]