ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
ความกังวลเรื้อรังเสี่ยงเป็นโรควิตกกังวล ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร

ความกังวลเรื้อรังเสี่ยงเป็นโรควิตกกังวล ส่งผลต่อชีวิตประจำวันอย่างไร

ความกังวลเป็นเรื่องธรรมชาติ ที่ทุกคนต้องเจอในชีวิต แต่ถ้าความกังวลกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนรู้สึกไม่สามารถควบคุมได้ หรือแม้แต่เรื่องเล็กน้อยในแต่ละวันก็กระตุ้นให้ใจไม่สงบ อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่เรียกว่าโรควิตกกังวล” ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจส่งผลต่อทั้งการใช้ชีวิต สุขภาพกาย และความสัมพันธ์โดยรวมอย่างไม่รู้ตัว

จากความคิดมากกลายเป็นความกังวลเรื้อรัง

จากความคิดมากกลายเป็นความกังวลเรื้อรัง

ความกังวล คือการคิดเผื่อ คิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าความคิดนั้นไม่จบง่าย ๆ คิดวนไปมา หรือจินตนาการไปข้างหน้าจนไม่สามารถใช้ชีวิตกับปัจจุบันได้อีก คือจุดเริ่มต้นของความกังวลเรื้อรังที่ควรเฝ้าระวัง

สัญญาณเบื้องต้นของความกังวลที่มากเกินไป

  • คิดมากเกินเหตุ คิดซ้ำเรื่องเดิม
  • คาดการณ์เรื่องแย่ ๆ อยู่เสมอ
  • กลัวว่าตัวเองจะพลาดหรือไม่ดีพอ
  • ใจไม่เคยสงบ แม้จะไม่มีเรื่องให้กังวล
  • รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนล้าโดยไม่มีสาเหตุ
ความกังวลสะสม อาจกลายเป็นโรควิตกกังวลโดยไม่รู้ตัว

ความกังวลสะสม อาจกลายเป็นโรควิตกกังวลโดยไม่รู้ตัว

ภาวะวิตกกังวลไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะไม่ได้ส่งผลแค่ทางความคิดหรืออารมณ์ แต่ยังส่งผลทางร่างกาย เช่น อาการใจสั่น หายใจไม่ทั่วท้อง ปวดหัว หรือท้องไส้ปั่นป่วนเมื่อเผชิญสถานการณ์บางอย่าง

เมื่อกังวลจนชีวิตเสียสมดุล

  • ไม่กล้าตัดสินใจเรื่องสำคัญ เพราะกลัวผิดพลาด
  • ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการคิด แต่ไม่สามารถลงมือทำ
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่าง เช่น การเข้าสังคมหรือออกไปเจอผู้คน
  • นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือฝันร้ายซ้ำ ๆ
  • สมาธิลดลง ไม่สามารถโฟกัสงานได้นานเหมือนเดิม

ผลกระทบที่อาจตามมา

หากไม่เข้าใจและไม่ดูแลตั้งแต่ต้น ความกังวลเรื้อรังอาจกลายเป็นภาวะวิตกกังวลเรื้อรัง (GAD) ทำให้บุคคลนั้นมีแนวโน้มเกิดโรคซึมเศร้าร่วมด้วย ความมั่นใจลดลงเรื่อย ๆ พฤติกรรมเปลี่ยน และอาจหลีกเลี่ยงทุกสิ่งที่เคยทำได้ดี

นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อระบบร่างกาย เช่น

  • ฮอร์โมนความเครียดหลั่งผิดจังหวะ
  • ระบบย่อยอาหารรวน
  • ภูมิคุ้มกันต่ำลง
  • ระบบหัวใจทำงานผิดปกติ
ความกังวลที่ดีต่อใจ กับความกังวลที่ควรระวัง ต่างกันอย่างไร

ความกังวลที่ดีต่อใจ กับความกังวลที่ควรระวัง ต่างกันอย่างไร

ความกังวลที่ดี คือ การคิดเผื่อเพื่อเตรียมพร้อม โดยไม่ได้ทำให้เราทุกข์ แต่ความกังวลที่ควรระวังคือความคิดที่วนเวียนอยู่กับความกลัวเกินจริง คิดมากเกินความเป็นจริง และยิ่งคิดยิ่งไม่กล้าขยับไปไหนเลย วิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ถ้าความกังวลของคุณทำให้รู้สึกอึดอัด รำคาญตัวเอง หรือกระทบการใช้ชีวิตในแต่ละวัน แม้เพียงเล็กน้อย นั่นอาจถึงเวลาที่ควรหาวิธีดูแลใจอย่างจริงจัง

แนวทางจัดการความกังวลก่อนจะลุกลามเป็นปัญหา

1. หยุดความคิดวนด้วยการเขียน

จดสิ่งที่กังวลออกมาให้ชัดเจน แล้วตั้งคำถามกลับ เช่น “เรื่องนี้ร้ายแรงขนาดนั้นจริงไหม?” หรือ “ถ้าเกิดขึ้นจริง ฉันจะรับมือได้ไหม?”

2. ฝึกอยู่กับปัจจุบัน

การหายใจลึก ๆ เดินช้า ๆ หรือแค่จดจ่อกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว ช่วยให้ใจไม่หลุดไปอยู่กับความกลัวในอนาคต

3. จำกัดเวลาเสพข่าวหรือโซเชียลมีเดีย

ข้อมูลที่มากเกินไปสามารถกระตุ้นความกังวลโดยไม่รู้ตัว ลองกำหนดช่วงเวลาชัดเจนในการเสพข่าว แล้วพักจากหน้าจออย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง

4. อย่าฝืนทำทุกอย่างคนเดียว

บางครั้งการได้เล่าความคิดให้คนที่ฟังอย่างตั้งใจโดยไม่ตัดสิน ก็ช่วยคลายความกังวลได้ไม่น้อย หากรู้สึกว่าอาการเริ่มชัดเจน ลองเปิดใจพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อหาทางออกที่เหมาะกับตัวเอง

ความกังวลไม่ใช่จุดอ่อน แต่มันบอกเราว่าใจต้องการดูแล ไม่ต้องอายที่จะยอมรับว่า “ใจฉันอ่อนล้า” เพราะความกลัว หรือความคิดมากไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้าเริ่มรู้สึกว่ามันรบกวนชีวิตมากขึ้นทุกวัน อย่ารอให้ถึงจุดที่เสียการควบคุม ดูแลใจเหมือนที่คุณดูแลร่างกาย แล้วคุณจะรู้ว่าชีวิตเบาขึ้นเมื่อใจไม่ต้องกังวลตลอดเวลา

เขียน/เรียบเรียง โดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *