ClinicInsights.asia

Logo Footer Clinic Insights
How is Chinese medicine different from Thai medicine and modern medicine?

แพทย์แผนจีนต่างจากแผนไทยและแผนปัจจุบันยังไง?

 การดูแลสุขภาพไม่เคยมีคำตอบเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน แต่ละสังคมต่างมีภูมิปัญญาการแพทย์ที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี ทั้ง แพทย์แผนจีน และ แพทย์แผนไทย  วัฒนธรรมตะวันออก รวมถึง แพทย์แผนปัจจุบัน ที่อิงกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ จึงเกิดคำถามสำคัญว่า ทั้งสามแนวทางนี้ต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้แบบไหนเพื่อให้เหมาะกับเรา

The basics of treatment in each science

พื้นฐานของการรักษาของแต่ละศาสตร์

  • แพทย์แผนจีน

พื้นฐานจากเรื่อง หยิน–หยาง และ พลังชีวิต (ชี่) ที่ต้องหมุนเวียนอย่างสมดุล พร้อมกับหลักการ ธาตุทั้งห้า (ไม้ ไฟ ดิน โลหะ น้ำ) ที่อธิบายการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ หากสมดุลนี้ถูกรบกวนก็จะเกิดความเจ็บป่วย เช่น ภาวะชี่พร่อง เลือดติดขัด หรือหยินหยางไม่สมดุล

  • แพทย์แผนไทย

ยึดหลัก ธาตุสี่ ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ร่างกายจะมีสุขภาพดีเมื่อธาตุเหล่านี้สมดุล แต่หากเสียสมดุล เช่น ธาตุลมกำเริบ อาจทำให้ปวดศีรษะหรือท้องอืดได้ ศาสตร์นี้ยังผูกพันกับการใช้สมุนไพรพื้นบ้าน การนวด และการอบไอน้ำ

  • แพทย์แผนปัจจุบัน

ตั้งอยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ เน้นการอธิบายโรคด้วยกายวิภาค กลไกทางชีวเคมี และสาเหตุที่พิสูจน์ได้ เช่น การติดเชื้อ ความผิดปกติของเซลล์ หรือความเสื่อมตามอายุ

Different treatment methods

วิธีการรักษาที่แตกต่าง

  • แพทย์แผนจีน ใช้หลากหลายวิธี เช่น

การฝังเข็ม กระตุ้นจุดพลังงานเพื่อให้ชี่ไหลเวียน

สมุนไพรจีน ที่มีทั้งต้มเป็นน้ำดื่ม ผง หรือแคปซูล

ครอบแก้วและรมยา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

ไทเก็กหรือชี่กง เพื่อฟื้นฟูสมดุลของร่างกายและจิตใจ

  • แพทย์แผนไทย  รักษาด้วยการใกล้ชิดกับธรรมชาติ เช่น

นวดไทย กดจุดตามเส้นเพื่อคลายกล้ามเนื้อและปรับสมดุลลม

ประคบสมุนไพรและอบตัว เพื่อขับของเสียและกระตุ้นการไหลเวียน

ตำรับยาสมุนไพร เช่น ยาหอม ยาลม ยาขับน้ำคาวปลา

  • แพทย์แผนปัจจุบัน มุ่งที่การรักษาโดยตรง เช่น

การใช้ยาเคมีที่ผ่านการวิจัย

การผ่าตัดหรือหัตถการที่แม่นยำ

การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น MRI, CT Scan

การบำบัดด้วยกายภาพและการดูแลเฉพาะโรค

Strengths and limitations of each discipline

จุดแข็งและข้อจำกัดของแต่ละศาสตร์

  • แพทย์แผนจีน

จุดแข็ง คือ การมองร่างกายแบบองค์รวม ไม่แยกโรคออกจากวิถีชีวิต เน้นการป้องกันและฟื้นฟู แต่ข้อจำกัดคือผลลัพธ์อาจใช้เวลานาน และบางตำรับสมุนไพรมีความเสี่ยงหากใช้ไม่ถูกวิธี

  • แพทย์แผนไทย

โดดเด่นตรงความใกล้ชิดกับคนไทย ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น หาได้ง่าย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ แต่ข้อจำกัดคือยังขาดงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์รองรับในบางด้าน และอาจเกิดอันตรายหากใช้สมุนไพรเกินขนาด

  • แพทย์แผนปัจจุบัน

ได้เปรียบตรงความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ เหมาะกับโรคเฉียบพลันหรืออุบัติเหตุรุนแรง ข้อจำกัดคือผลข้างเคียงจากยาเคมี รวมถึงการรักษามักมุ่งแก้ที่อาการ มากกว่าดูทั้งระบบชีวิตและจิตใจ

ตัวอย่างการเลือกใช้

  • ผู้ที่มี ออฟฟิศซินโดรม อาจเลือกนวดไทยหรือฝังเข็มเพื่อลดปวด และใช้ยาแก้อักเสบร่วมเมื่ออาการหนัก
  • ผู้หญิงที่มี ปัญหาประจำเดือน สามารถใช้ยาสมุนไพรจีนหรือไทยบรรเทา ร่วมกับการตรวจภายในเพื่อคัดกรองโรคร้ายแรง
  • ผู้สูงอายุที่มี โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน สามารถใช้ยาแผนปัจจุบันควบคุมโรค แต่ใช้ชี่กง นวดเบา ๆ หรือสมุนไพรเสริมเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต
Trends in integrative medicine

แนวโน้มการแพทย์ผสมผสาน

ปัจจุบันหลายประเทศ รวมทั้งไทย เริ่มผลักดันการแพทย์ผสมผสาน เช่น โรงพยาบาลที่มีทั้งแผนปัจจุบันและคลินิกแพทย์แผนไทยหรือจีน เพื่อเปิดทางเลือกให้ผู้ป่วยใช้วิธีการที่เหมาะสมที่สุดกับร่างกายตนเอง

ตัวอย่างเช่น

  • ใช้การฝังเข็มควบคู่กับกายภาพบำบัดในผู้ป่วยอัมพฤกษ์
  • ใช้การอบสมุนไพรไทยช่วยฟื้นฟูหลังคลอด ควบคู่การตรวจสุขภาพกับสูตินรีแพทย์
  • ใช้สมุนไพรจีนเสริมภูมิคุ้มกัน แต่ยังคงกินยาควบคุมโรคตามแพทย์สั่ง

แพทย์แผนจีน แผนไทย และแผนปัจจุบัน ต่างมีวิธีคิด วิธีรักษา และจุดแข็งที่ไม่เหมือนกัน หากเปรียบเทียบกันแล้ว แพทย์แผนจีนเน้นสมดุลพลังชีวิตและพลังชี่ แพทย์แผนไทยเน้นธาตุสี่และวิถีพื้นบ้าน ส่วนแพทย์แผนปัจจุบันเน้นความแม่นยำจากวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งที่ควรตระหนักคือ ทั้งสามศาสตร์ไม่ได้แข่งขันกัน แต่สามารถเสริมพลังกันได้ หากรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสุขภาพและอาการของแต่ละคน

เรียบเรียงโดย: ClinicInsights.asia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *